อัพเดท ios10 ที่ละขั้นตอน และ 85 สิ่งที่ทำการปรับปรุงใหม่ ใน iOS 10
iOS 10 รุ่นใหม่ล่าสุดที่เน้นการแก้ไขและปรับปรุงจาก iOS 9 ให้ดีขึ้น มีฟีเจอร์ที่มากขึ้นมีการเปลี่ยนแปลงที่หน้า UI หลายจุดเช่น หน้า Lockscreen, Control Center, Notification Center และอื่นๆ
*ทำความเข้าใจกันก่อน ก่อนจะอัพเดท*
- ตรวจสอบชื่ออุปกรณ์ iOS ของคุณรองรับการอัปเดต iOS10 มั้ย โดย iPhone รุ่นที่สามารถอัปเดตสู่ iOS10 ได้ ได้แก่พวก iPhone 5 ขึ้นไป จนถึง iPhone 6S ซีรีส์ และ iPhone SE ด้วย ส่วน iPad นั้น รุ่นที่อัปเดตได้แก่ พวก iPad Pro , iPad Air และ iPad Mini 2 ขึ้นไป ส่วน iPod Touch นั้น เฉพาะรุ่นล่าสุดอย่าง iPod Touch Gen 6 เท่านั้น หากไม่มีแสดงว่าเครื่องของคุณไม่สามารถอัปเดตสู่ iOS10 ได้
อุปกรณ์ที่สามารถอัพเดท iOS 10 ได้มีดังนี้
- iPhone: iPhone 5, iPhone 5c, iPhone 5s, iPhone SE, iPhone 6, iPhone 6 Plus, iPhone 6s, iPhone 6s Plus
- iPad: iPad 4th generation, iPad Air, iPad Air 2, iPad Pro, iPad mini 2, iPad mini 3, iPad mini 4
- iPod touch 6th generation
- ทำความสะอาดเครื่องครั้งใหญ่ ลบแอปที่ไม่ค่อยใช้งาน และลบข้อมูลเก่า ลบพวกแอปเก่า แอปไม่ค่อยใช้งานออกจากเครื่อง ตลอดจนลบไฟล์ข้อมูลเก่าที่เคยดาวน์โหลดจากทางอีเมล เพื่อเพิ่มพื้นที่ว่าบน iPhone ของคุณ
- อัปเดตแอปต่างๆที่โหลดทาง App Store ให้เป็นเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดเพื่อความสามารถใหม่ของแอปต่างๆ และเพิ่มความปลอดภัยมากขึ้น
- ตรวจสอบพื้นที่ว่างบน iPhone หรืออุปกรณ์ iOS เพื่อรองรับการดาวน์โหลดและติดตั้งตัวอัปเดต ทั้งนี้ตัวติตตั้งจะมีขนาดไฟล์ถึง 2 – 2.5 GB ดังนั้นจะต้องเตรียมลบ ให้มีพื้นที่ว่างมากพอสำหรับการอัปเดต
- Backup ตัวอุปกรณ์ iOS โดย Backup ที่ยอดนิยมที่สุดคือเสียบกับคอมผ่านทาง iTunes
- ติดตั้ง iOS10 ต้องสำรวจหาอินเทอร์เน็ตที่โหลดไว
- หาเน็ตไวๆพอโดยเฉพาะพวก Wi-Fi ต้องแรงๆ ที่ไม่สะดุด เน็ตไม่ถูกตัดระหว่างดาวน์โหลด ทั้งนี้เพื่อการดาวน์โหลดติดตั้งอย่างรวดเร็ว โดยขั้นตอนนี้จะใช้เวลาขึ้นอยู่กับคุณภาพความเร็วแรงของอินเทอร์เน็ตด้วย เมื่อพร้อมอัปเดตแล้ว ให้เข้าที่ Settings > General > Software Update เพื่อเริ่มดาวน์โหลดและติดตั้ง iOS 10 ทันที หรือจะอัปเดตผ่านทางโปรแกรม iTune บนคอมพิวเตอร์ก็ได้
- รอดูคนอื่นติดตั้งไปก่อนดีกว่า เพราะเราจะสามารถรู้ได้ว่า คนอื่นที่รีบติดตั้ง iOS10 ก่อน มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นมั้ย ซึ่งมีหลายครั้งแล้วทีติดตั้งแล้วเกิดปัญหา ทำให้ Apple ต้องปล่อยตัวอัปเดตใหม่อีกแก้ไขตามมา ซึ่งเราก็เสียเวลาดาวน์โหลดไปอีกรอบดังนั้นรอดูคนอื่นก่อนก็ได้ไม่ต้องรีบ
สำหรับวิธีการอัปเดต iOS 10 นั้น หลัก ๆ มีอยู่ 3 วิธีด้วยกัน
ให้เข้าไปที่ Settings > General > Software Update จะปรากฏ iOS 10 พร้อมให้ดาวน์โหลด ส่วนใครที่ยังไม่ขึ้นให้อัปเดต แนะนำให้เปลี่ยนจาก Wi-Fi เป็น 3G หรือ 4G ก่อน เมื่อโหลดข้อมูลเสร็จแล้ว ให้เปลี่ยนกลับเป็น Wi-Fi พร้อมสำหรับดาวน์โหลดครับ
อัปเดต iOS 10 ผ่านทาง iTunes
เชื่อมต่อ iPhone กับคอมพิวเตอร์และเปิดโปรแกรม iTunes จากนั้น ให้คลิกที่ Check for Update จะปรากฏ iOS 10 ให้พร้อมทำการอัปเดต คลิกเพื่อยืนยันการอัปเดตได้เลยทันที และทำตามขั้นตอนที่ปรากฏเช่นกัน
โดยการอัปเดต iOS 10 ผ่าน OTA หรือผ่านทาง iTunes ให้ผลเหมือนกัน ขึ้นอยู่กับว่าผู้ใช้สะดวกวิธีใดมากกว่า
อัพเดทโหลดไฟล์ IPSW ติดตั้งเอง
*แนะนำให้ใช้ตัวช่วยดาวน์โหลดอย่าง Flashget, IDM หรือ Downthemall ในการช่วยโหลดนะครับ
การตั้งค่า IDM โหลดไฟล์ IPSW เปฺิดโปรแกม IDM ขึ้นมา ไปที่เมนูตัวเลือก จะมีหน้าต่างเด้งขึ้นมาให้เลือกหัวข้อ รูปแบบไฟล์ด้านล่างจะเป็นไฟล์รูปแบบต่าง แล้วให้พิมพ์ IPSW กด Ok หากไม่ตั้งค่าจะโหลดผ่าน IDM ไม่ได้
การดาวน์โหลดไฟล์ที่ถูกต้องนั้นจะต้องได้ไฟล์นามสกลุ .ipsw เท่านั้น (หากใครดาวน์โหลดมาแล้วได้ไฟล์เป็น .zip ไม่ต้องแตกไฟนะครับ เพียงเปลี่ยนนามสกุลจาก .zip ให้เป็น .ipsw เท่านั้นพอ) นะครับ จากนั้นจึงนะไป Shift+Restore ผ่าน iTunes (หากเครื่องแมคให้กด option+Restore)
iOS 10 Direct Download Links:
- 9.7‑inch iPad Pro
- 12.9‑inch iPad Pro
- iPad mini 4, iPad Air 2, iPad mini 3
- iPad Air, iPad mini 2
- iPad (4th generation Model)
iPhone
iPad
iPod touch
หลังได้ไฟล์ .ipsw ไปใช้ให้เปิด iTunes พร้อมเชื่อมต่ออุปกรณ์ที่ต้องการจะรีสโตร์(ล้างเครื่อง) หรือใช้ร่วม
นำไปใช้กับ iTunes (แนะนำว่าให้อัปเดต iTunes รุ่นล่าสุดจาก iTunes.com)
ทำการ Update (ข้อมูลไม่หาย)
เครื่อง PC Windows ให้กดปุ่ม Shift ที่คีบอร์ดค้างไว้ จากนั้นกดปุ่ม Check for Update ที่ iTunes แล้วเลือกไฟล์ IPSW ที่ดาวน์โหลดไป
เครื่อง Mac ให้กดปุ่ม Option ที่คีบอร์ดค้างไว้ จากนั้นกดปุ่ม Check for update ที่ iTunes แล้วเลือกไฟล์ IPSW ที่ดาวน์โหลดไป
ทำการ Restore (ข้อมูลหาย)
เครื่อง PC Windows ให้กดปุ่ม Shift ที่คีบอร์ดค้างไว้ จากนั้นกดปุ่ม Restore ที่ iTunes แล้วเลือกไฟล์ IPSW ที่ดาวน์โหลดไป
เครื่อง Mac ให้กดปุ่ม Option ที่คีบอร์ดค้างไว้ จากนั้นกดปุ่ม Restore ที่ iTunes แล้วเลือกไฟล์ IPSW ที่ดาวน์โหลดไป
*ใน iOS 10 เปลี่ยนแปลงระบบการดาวน์โหลด IPSW แบบใหม่โดยไม่ต้องเลือก Model อีกแล้ว สามารถดาวน์โหลดได้ตามรุ่นเลย เช่น iPhone 5s ไม่ว่าจะซื้อจากประเทศไหน Model หลังเครื่องจะเป็น Axxxx ตัวไหนก็ IPSW ตัวเดียวกันหมดครับ ถือว่าสะดวกขึ้น
วิธีการแก้ปัญหา การอัปเดต iOS 10 แล้วค้างหน้า Recovery
มีหลาย ๆ ท่านที่ทำการอัปเดต iOS 10 ในตอนนี้ แล้วติดอยู่ในขั้นตอนของการ Recovery Mode หรือโหมดกู้คืน ไม่ต้องตกใจไปครับ มีวิธีการแก้ไขง่าย ๆ เช่นกัน กับการ Hard Reset ด้วยการกดปุ่ม Home+Power ไว้พร้อมกัน อย่าเพิ่งปล่อยมือจนกว่าโลโก้ Apple จะปรากฏ
แต่ถ้าหากทำการ Hard Reset แล้ว ยังคงอยู่ในหน้า Recovery Mode เหมือนเดิม ให้ทำการอัปเดตผ่านทาง iTunes ด้วยการเสียบอุปกรณ์ที่ค้างอยู่ในหน้า Recovery Mode เข้ากับคอมพิวเตอร์ จากนั้น เปิด iTunes แล้วคลิกที่ Check for Update อย่าเผลอไปกดที่ Reset iPhone โดยเด็ดขาด เนื่องจากข้อมูลในตัวเครื่องจะหายหมด เว้นเสียแต่ว่าต้องการล้างเครื่อง ก็สามารถกดที่ Reset iPhone ได้ครับ
ย้ำอีกคร้งนะครับว่า ก่อนที่จะทำการอัปเดตเป็น iOS 10 ผู้ใช้ควรจะต้องทำการ Back up หรือสำรองข้อมูลเสียก่อน เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้น และส่งผลทำให้ข้อมูลเสียหาย
และนี้คือ 85 สิ่งที่ทำการปรับปรุงใหม่ ใน iOS 10
2.โฟลเดอร์เปลี่ยนไปเล็กน้อยและเอฟเฟกต์เปลี่ยน
3.ตัวหนังสือหนาขึ้น อ่านง่ายขึ้น
4.ยกหน้าจอเพื่อเปิดจอ คว่ำจอก็จะดับ ใช้ได้กับ 6s, 6s Plus, SE
5.ลบแอปที่มาพร้อมกับ iOS และสามารถลบกลับได้ (แต่พื้นที่ยังคงเท่าเดิม)
6.โฆษณาแอปใน App Store
7.ปุ่ม Back ปรับเปลี่ยนไป
8.Siri เปลี่ยนมาอยู่ใต้การตั้งค่า
9.Siri ฉลาดขึ้นสามารถตอบคำถามต่อเนื่องจากประโยคคำถามก่อนหน้าได้ และเสียง(อังกฤษ)ของ Siri ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
10.iCloud Drive แสดงเนื้อหาไฟล์ที่ซิงก์กับเครื่อง Mac
11.แชร์โน็ตจากแอป Notes ให้เพื่อนๆ ได้ ผ่านเบอร์โทรหรือ Apple ID และแก้ไขร่วมกันได้
12.facetime เชื่อมต่อได้เร็วขึ้น
13.เพิ่มรูปแบบหน้าจอของ Apple Watch ใหม่มากขึ้น (ต้องอัปเดต Apple Watch เป็น watchOS 3.0)
14.การตั้งค่าอีเมล, รายชื่อและปฏิทินนั้นแยกเมนูกันชัดเจน อยู่ภายใต้เมนู Settings (การตั้งค่า)
15.รองรับ Apple Pay จ่ายผ่าน Safari ได้
16.ปรับหน้าตาของรายชื่อใหม่ ในหน้าเบอร์โทร
17.วีดีโอปรับตั้งค่าคุณภาพได้และเลือกได้ว่าจะให้เล่นผ่านเซลลูลาร์หรือไม่
18.ปรับหน้าตาใหม่ของ Control Center
19.เปลี่ยนชื่อ AirPlay Mirroring เป็น AirPlay Screen สำหรับส่งภาพและเสียงบน iPhone, iPad ไปยัง Apple TV หรือ Mac (ต้องติดตั้งแอปเพิ่มที่ Mac)
20.3D Touch เพิ่มเมนูเยอะขึ้น เช่น ไฟฉายปรับระดับความสว่างได้, คัดเลือกค่าจากเครื่องคิดเลขได้, กล้องถ่ายรูปเลือกเมนูการถ่ายได้
21.Widget และ Notification จะแยกคนละหน้า
22.ออกแบบ Widget แบบใหม่ดูดีกว่าเดิม
23.Widget ใช้งานร่วมกับ 3D Touch ได้
24.เพิ่ม Widget ใหม่ๆ ได้
25.Spotlight เก็บประวัติการค้นหา
26.การตอบเร็วบน Notification นั้นปรับปรุงให้น่าใช้งานกว่าเดิม
27.Safari เปิดแท็บหน้าเว็บได้อย่างไม่จำกัด
28.Safari เพิ่ม Split View ได้ (เปิด 2 หน้าเว็บพร้อมกันในหน้าจอเดียว) ใช้ได้กับ iPad
29.หน้าต่างการส่งไฟล์มัลติมีเดียร์แบบใหม่ใน iMessage, ถ่ายภาพ live view ไปยัง iMessage ได้
30.แต่งภาพ ใส่ลายเซนต์ ใส่ markup ในภาพก่อนส่งใน iMessage ได้
31.ส่งลิงก์วีดีโอจาก youtube ใน imessage สามารถเปิดดูได้ในนั้นเลย
32.ส่งลิงก์เว็บผ่าน imessage ก็สามารถแสดงพรีวิวของลิงก์นั้นๆ ได้
33.ส่ง Digital Touch ได้ (วาดรูปแล้วจะถูกส่งไปให้คนรับ) ภาพที่แสดงนั้นเป็นแบบกำลังวาด ไม่ใช่ส่งภาพที่เสร็จแล้วไป
34.Digital Touch ใช้ได้กับรูปและวีดีโอ แต่งหรือวาดทับก่อนส่งได้
35.ส่งข้อความไปพร้อมกับลูกเล่นได้ เช่น การทุบ, การซ่อนข้อความ เป็นต้น
36.ส่งข้อความไปพร้อมใส่เอฟเฟกพื้นหลังได้ เช่น พลุหรือไฟดิสโก้
37.App Store สำหรับ iMessage เช่นโหลดสติกเกอร์เพิ่มและอื่นๆ ส่งผ่านทาง iMessage ได้
38.เลือกอีโมจิแทนคำที่กำลังพิมพ์ได้
39.แสดงสถานะอ่านแล้วได้เป้นรายบุคคลและสามารถโต้ตอบทันทีกับข้อความที่รับหรือส่งได้ (ประหนึ่งการ Like โพส)
40.คีบอร์ดคาดเดาคำที่เราต้องการพิมพ์ได้มากและยาวขึ้น
41.เสียงคีบอร์ดใหม่
42.คีบอร์ดเดาภาษาที่เรากำลังพิมพ์ได้เช่น หากเรากำลังสนทนาภาษาอังกฤษปนสเปน ตัวคีบอร์ดจะเดาคำภาษาสเปนให้เราเพิ่มด้วย ทำให้การพิมพ์นั้นง่ายและเร็วขึ้น(สำหรับคนที่สนทนาแบบหลายภาษา)
43.ปฎิทินสามารถแนะนำเวลาที่คุณควรจะออกเดินทาง(จากบ้าน) ได้ โดย จะดูข้อมูลของสถานที่บวกกับสภาพการจราจร เช่น ตั้งใจออกจากบ้านตอน 5 โมงเย็นเพื่อไปงานแต่ง แต่ปฏิทินอาจจะแนะนำว่าให้ออกบ้านเร็วกว่านั้นเพราะสภาพการจราจรติดขัด เป็นต้น
44.หากมีอีเมลหรือข้อความส่งมาให้เข้าร่วมงานหรือไปกิจกรรมต่างๆ ตัวปฏิทินสามารถแนะนำให้เพิ่มเข้ามาในระบบอย่างง่ายดาย
45.อ่านอีเมลแบบโต้กลับไปมาได้ง่ายมากขึ้น
46.ฟิลเตอร์อีเมลได้ เช่น เมลที่ยังไม่ได้อ่าน
47.พิมพ์อีเมลแบบ 2 ฉบับดูไปพร้อมๆ กันได้ (iPad)
48.คอลัมม์ในกล่องอีเมล สามารถซ่อนแถบของโฟลเดอร์ได้ (iPad)
49.หากต้องการย้ายอีเมล ระบบจะแนะนำว่าควรย้ายไปที่โฟลเดอร์ไหน
50.ข้อมูลอีเมลล่าสุดจะอยู่บนสุด
51.ยกเลิกจดหมายข่าวจากอีเมลที่ได้รับได้ ถ้าเมลนั้นส่งมาจากระบบจดหมายข่าวเรากดยกเลิกได้เลย
52.แอป Clock เปลี่ยนธีมสีขาวเป็นสีดำ
53.เพิ่มฟีเจอร์แนะนำการเข้านอน Bedtime Wake Alarm
54.ออกแบบหน้านาฬิกาจับเวลาของ chronograph stopwatch ใหม่
55.ใช้ 3D Touch เลือกเวลานับถอยหลังใน Control Center ได้
56.เพิ่มแอป Home สำหรับจัดการอุปกรณ์ Homekit
57.ปรับปรุงแอป Health ใหม่พร้อมวีดีโอแนะนำการใช้งาน
58.แอป Activity สามารถแชร์กิจกรรมที่ทำได้ เช่น แชร์ข้อมูลการวิ่ง
59.App Store ตัดแท็บ Explore ออกและแทนที่ด้วย Categories
60.Music ใช้ฟีเจอร์ Split View บน iPad
61.ดาวน์โหลดเพลงแบบอัตโนมัติในแอป Music
62.จัดกการดารดาวน์โหลดเพลงได้ง่ายขึ้น
63.กำหนดเนื้อที่สำหรับดาวน์โหลดเพลงจาก Music ได้ เช่น 1GB, 5GB
64.ปรับปรุงหน้าตาของแอป Music ใหม่ดูง่ายกว่าเดิม และระบบค้นหาเพลงแบบใหม่ที่มาพร้อมกับ Trending
65.แอป Photos ค้นหารูปถ่ายโดยค้นจากชื่อคนหรือสิ่งอื่นๆ ได้ เช่น Car, Mountain, House, Room
66.เพิ่มแท็บ Memories สำหรับ Photos สร้างวีดีโอพรีเซนต์จากรูปถ่ายของเราได้
67.Photos app search enhancements
68.ปรับแต่ง Live Photos ได้
69.ใส่ฟิลเตอร์ให้ Live Photos ได้
70.ทำเครื่องหมายหรือ Markup รูปที่เราถ่ายได้ (ย้อนกลับไปต้นฉบับก็ได้)
71.ระบบ Auto Enhance ของ Photos ทำงานได้ดีขึ้น
72.ระบบปรับสี แสงของภาพ ทำได้ดีขึ้น
73.แอป News ปรับไอคอนและ UI ใหม่
74.เรียงลำดับเรื่องที่ชอบในแอป News ได้
75.Maps ปรับดีไซด์ใหม่เพิ่มรายละเอียดเยอะขึ้น
76.ระบบ Navigation ทำงานได้ดีขึ้นและแสดงภาพ Overview ของการเดินทางทุกครั้งที่เลี้ยว
77.แสดงตำแหน่งที่จอดรถล่าสุด (หากใช้งานร่วมกับ CarPlay)
78.Maps เพิ่มเมนู Ride สำหรับเรียกรถแท็กซี่ได้ เช่น UberX
79.Maps ค้นหาสถานที่และสามารถจอง(ร้านอาหาร) ได้ผ่านแอปได้เลย
80.เพิ่มแอป Swift Playgrounds สำหรับเอาไว้สอนให้คนหัดเขียนโปรแกรมภาษา Swift
81.ในการตั้งค่าการช่วยเหลือ มีโหมดปรับฟิลเตอร์สีจอสำหรับผู้พิการทางสายตาได้
82.3D Touch ที่ไอคอน Settings สามารถเลือกปิดข้อมูลเซลลูลาร์ได้
83.3D Touch ยกเลิกการดาวน์โหลดแอปได้
84.3D Touch แชร์ลิงก์ดาวน์โหลดแอปจากไอคอนแอปที่ติดตั้งลง iPhone แล้ว ส่งไปให้เพื่อนๆ ได้
85.เปลี่ยนการแสดงผลอุณหภูมิ (C/F) ได้ในเมนู Language & Region
COMMENTS